30 ม.ค. 2568

แนวทางการเรียนรู้ AI

 ถ้าจะเริ่มเรียน AI มีหลายแนวทางให้เลือก ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของคุณ เช่น

  1. Machine Learning (ML) – ถ้าสนใจให้ AI วิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์แนวโน้ม หรือสร้างโมเดลเพื่อใช้ในงานต่าง ๆ
  2. Deep Learning (DL) – ถ้าสนใจพัฒนา AI ที่ใช้ Neural Networks เช่น ระบบแยกแยะภาพ วิดีโอ หรือเสียง
  3. Natural Language Processing (NLP) – ถ้าสนใจให้ AI วิเคราะห์และเข้าใจภาษา เช่น Chatbot หรือการสรุปข้อความ
  4. Computer Vision – ถ้าสนใจให้ AI วิเคราะห์ภาพและวิดีโอ เช่น การตรวจจับวัตถุ

เริ่มต้นยังไงดี?

  • Python – ภาษาหลักที่ใช้ใน AI ควรเริ่มเรียน Python ถ้ายังไม่เคยเขียน
  • คณิตศาสตร์พื้นฐาน – ถ้าอยากเข้าใจแนวคิด AI ควรรู้เรื่องพีชคณิตเชิงเส้น (Linear Algebra), สถิติ, ความน่าจะเป็น
  • Frameworks สำคัญ – เช่น TensorFlow, PyTorch สำหรับ ML/DL
  • ลองทำโปรเจกต์จริง – ฝึกฝนด้วยโปรเจกต์เล็ก ๆ เช่น การทำนายข้อมูล การรู้จำภาพ หรือ Chatbot

คุณสนใจแนวไหนของ AI เป็นพิเศษ หรืออยากเริ่มจากพื้นฐานทั่วไปก่อน?


ถ้าจะเริ่มจากพื้นฐานทั่วไป คุณสามารถเรียนตามลำดับนี้ได้:

1. พื้นฐาน Python

AI ส่วนใหญ่ใช้ Python เป็นหลัก ควรรู้จัก:

  • ตัวแปร, ลูป, เงื่อนไข (if-else), ฟังก์ชัน
  • การจัดการไฟล์, การดึงข้อมูลจาก API
  • การใช้ไลบรารีเบื้องต้น เช่น NumPy, Pandas, Matplotlib

2. คณิตศาสตร์พื้นฐานสำหรับ AI

  • พีชคณิตเชิงเส้น (Linear Algebra) → เมทริกซ์, เวกเตอร์
  • สถิติและความน่าจะเป็น → ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, การแจกแจงข้อมูล

3. พื้นฐาน Machine Learning (ML)

  • การเรียนรู้แบบมีผู้สอน (Supervised Learning) → เช่น การจำแนกประเภท (Classification), การพยากรณ์ (Regression)
  • การเรียนรู้แบบไม่มีผู้สอน (Unsupervised Learning) → เช่น การจัดกลุ่ม (Clustering)
  • การใช้ไลบรารี scikit-learn

4. ทดลองทำโปรเจกต์ง่าย ๆ

  • ใช้ Jupyter Notebook ลองโหลดชุดข้อมูลจาก Kaggle มาวิเคราะห์
  • ทดลองใช้โมเดลสำเร็จรูป เช่น การทำนายราคาบ้าน หรือการวิเคราะห์ข้อความ

ถ้ายังไม่เคยเขียนโค้ดมาก่อน ควรเริ่มจาก Python ก่อน สนใจให้แนะนำคอร์สหรือแหล่งเรียนรู้ไหม?


ประวัติของ AI (Artificial Intelligence)

ยุคเริ่มต้น (1950s - 1970s) – การกำเนิดแนวคิด AI

  • 1950: Alan Turing เสนอ "Turing Test" ซึ่งเป็นแนวคิดว่าเครื่องจักรสามารถคิดได้หรือไม่
  • 1956: John McCarthy จัดงานประชุม Dartmouth Conference และเสนอคำว่า "Artificial Intelligence"
  • 1960s - 1970s: มีการพัฒนา Expert Systems ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ใช้กฎตรรกะเพื่อแก้ปัญหา

ยุคมืดของ AI (1970s - 1980s) – AI Winter

  • ระบบ AI มีข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์และข้อมูล ทำให้เกิดช่วง AI Winter ซึ่งเป็นช่วงที่เงินทุนและความสนใจใน AI ลดลง

ยุคฟื้นตัว (1980s - 1990s) – การกลับมาของ AI

  • นักวิจัยพัฒนา Neural Networks ใหม่ โดยใช้ Backpropagation Algorithm
  • AI ถูกนำไปใช้ในธุรกิจ เช่น ระบบแนะนำสินค้า และการวิเคราะห์ข้อมูล

ยุคทองของ AI (2000s - ปัจจุบัน) – Deep Learning และ AI ยุคใหม่

  • 2012: การพัฒนา Deep Learning โดย AlexNet ทำให้ AI มีความสามารถสูงขึ้นในด้านการรู้จำภาพ
  • 2016: AlphaGo ของ Google เอาชนะนักเล่นโกะมืออาชีพ
  • 2020s: AI ถูกนำไปใช้ในทุกวงการ เช่น Chatbots, การแพทย์, การเงิน, และยานยนต์ไร้คนขับ

ปัจจุบัน AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในด้าน Generative AI เช่น ChatGPT, DALL·E และ Midjourney ที่สามารถสร้างข้อความและภาพได้เอง

คุณสนใจส่วนไหนของประวัติ AI เป็นพิเศษไหม?


ประเภทของ AI

AI สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก ๆ ตามความสามารถ และ 4 ประเภทตามแนวทางการทำงาน

3 ระดับของ AI ตามความสามารถ

  1. Artificial Narrow Intelligence (ANI) – AI เฉพาะทาง

    • เป็น AI ที่สามารถทำงานได้เฉพาะด้าน เช่น การแปลภาษา, ระบบแนะนำสินค้า, Chatbot
    • ตัวอย่าง: Siri, Google Assistant, AlphaGo
  2. Artificial General Intelligence (AGI) – AI ระดับมนุษย์

    • เป็น AI ที่สามารถคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาได้เหมือนมนุษย์
    • ปัจจุบันยังไม่มี AGI ที่แท้จริง แต่เป็นเป้าหมายของการพัฒนา AI
  3. Artificial Super Intelligence (ASI) – AI เหนือมนุษย์

    • เป็น AI ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในทุกด้าน
    • เป็นแนวคิดในอนาคตที่ยังอยู่ในขั้นทฤษฎี

4 ประเภทของ AI ตามแนวทางการทำงาน

  1. Reactive Machines – AI ตอบสนองเท่านั้น

    • ไม่มีหน่วยความจำ จำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ ตอบสนองตามข้อมูลที่ได้รับเท่านั้น
    • ตัวอย่าง: Deep Blue (AI เล่นหมากรุกของ IBM), AI ที่ใช้ในการแยกประเภทภาพ
  2. Limited Memory – AI มีหน่วยความจำจำกัด

    • สามารถเรียนรู้จากข้อมูลในอดีตได้ แต่ไม่มีการคิดหรือรับรู้ตัวเอง
    • ตัวอย่าง: ระบบขับรถอัตโนมัติ, AI ที่ใช้ในธุรกิจ
  3. Theory of Mind – AI ที่เข้าใจอารมณ์และสังคม

    • สามารถเข้าใจอารมณ์ ความตั้งใจ และการมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์
    • ยังอยู่ในช่วงวิจัยและพัฒนา
  4. Self-Aware AI – AI ที่มีจิตสำนึกตัวเอง

    • เป็น AI ที่สามารถรับรู้ตัวเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง
    • ยังเป็นแนวคิดในอนาคต

ตอนนี้ AI ส่วนใหญ่ที่เราใช้ยังเป็นระดับ ANI และประเภท Limited Memory เช่น ChatGPT หรือ AI แนะนำสินค้า คุณสนใจประเภทไหนเป็นพิเศษไหม?


ChatGPT

ChatGPT เป็น AI ที่อยู่ในประเภท Artificial Narrow Intelligence (ANI) หรือ AI เฉพาะทาง ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานในด้านการเข้าใจและสร้างข้อความตามคำถามหรือคำขอของผู้ใช้ โดยใช้เทคโนโลยี Natural Language Processing (NLP) ที่ช่วยให้ AI เข้าใจภาษาและโต้ตอบได้เหมือนมนุษย์


ลักษณะของ ChatGPT:

  • การเข้าใจและตอบคำถาม: ChatGPT สามารถเข้าใจคำถามหรือข้อความจากผู้ใช้และตอบกลับอย่างเหมาะสม
  • การสร้างเนื้อหา: AI สามารถสร้างบทความ, ข้อความ, หรือคำตอบในหลากหลายหัวข้อ
  • การสนทนา: ใช้ใน Chatbot หรือระบบสนทนาอัตโนมัติ เช่น ระบบช่วยลูกค้าหรือที่ปรึกษาออนไลน์
  • การแปลภาษา: AI สามารถแปลภาษาต่าง ๆ ได้ในหลายภาษา
  • ความเข้าใจทางสังคม: แม้จะเป็น AI แต่ยังสามารถเรียนรู้และจำลองท่าทางการพูดคุยของมนุษย์ได้ในบางสถานการณ์

เทคโนโลยีที่ใช้ใน ChatGPT:

  • Transformer Models: โครงสร้างที่ทำให้ AI เข้าใจและจัดการกับข้อความได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น GPT (Generative Pretrained Transformer) ซึ่งถูกฝึกให้สามารถสร้างข้อความที่สมจริง
  • Deep Learning: การใช้เครือข่ายประสาทเทียมที่ซับซ้อนในการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อพัฒนาความสามารถในการเข้าใจและตอบสนอง

ChatGPT และโมเดลอื่นๆ ของ OpenAI มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อให้สามารถทำงานในลักษณะที่ใกล้เคียงกับการสนทนาของมนุษย์ โดยสามารถทำงานได้ในหลายบริบท เช่น การศึกษาภาษา, การบริการลูกค้า, หรือแม้กระทั่งการสร้างงานศิลปะ (เช่น การสร้างเนื้อหาหรือข้อความที่มีสไตล์เฉพาะ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การประมวลแนวทางปฏิบัติ และกรอบมาตรฐาน มาตรฐานขั้นต่ำ และแบบตรวจประเมินแนวทางปฏิบัติด้าน Cyber Security ของหน่วยงาน CII

การประมวลแนวทางปฏิบัติและกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ (Cyber Security) สำหรับหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Cr...